PPPM เดินหน้าลดต้นทุน พร้อมเทิร์นอะราวด์ภายในปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายอาหารสัตว์โต 66% ทะลุ 2 พันล้านบาท ขณะที่เงินลงทุนปีนี้ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนเครื่องผลิตไอน้ำ (Boiler) และปรับปรุงไลน์การผลิต รวมถึงระดมทุนผ่านการใช้สิทธิแปลงสภาพ PPPM-W5 ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ คาดได้รับเงิน 123.7 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตสำหรับออเดอร์ OEM ในประเทศและต่างประเทศ
นางสุพัตรา นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีบริษัทในเครือชื่อบริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำเพื่อจำหน่าย และรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน 2 แห่งที่จังหวัดเพชรบุรี ด้วยกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 39,600 ตันต่อปี อาหารปลาและสัตว์เลี้ยง 36,000 ตันต่อปี และที่จังหวัดสงขลา ด้วยกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 36,000 ตันต่อปี อาหารปลาและอาหารสัตว์เลี้ยง 30,000 ตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 บริษัทมีแผนเทิร์นอะราวด์ ในปี 2566 โดยตั้งเป้าขายอาหารกุ้ง 28,000 ตัน อาหารปลา 9,000 ตัน และอาหารสัตว์เลี้ยง 37,000 ตัน รวมเป็น 74,000 ตัน คิดเป็นยอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 66% จากช่วงเดียวกันจากปีก่อนที่มียอดขาย 1,200 ล้านบาท
*แปลง PPPM-W5
ขณะที่เงินลงทุนที่ใช้ในปี 2566 ส่วนใหญ่คือเงินลงทุนในเครื่องผลิตไอน้ำ (Boiler) ที่เปลี่ยนเป็นพลังงานชีวมวลแทนการใช้น้ำมันเตาและปรับปรุงไลน์การผลิตทั้งที่โรงงานเพชรบุรี และโรงงานสงขลา
บริษัทจะมีใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM-W5 มีกำหนดการใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีระยะเวลาแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิ วันที่ 15-29 มิถุนายน 2566 ราคาแปลงสภาพ 0.10 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้หาก ถ้าผู้ถือ PPPM-W5 มาใช้สิทธิแปลงสภาพครบจำนวน 1,237,445,571 หน่วย ในราคา 0.10 บาท บริษัทจะได้รับเงินจำนวน 123.7 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกำลังการผลิตสำหรับออเดอร์รับจ้างผลิตในประเทศและต่างประเทศ
*วางกลยุทธ์หนุนโต
ด้านนายวัลลภ ล้อมลิ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทมุ่งเพิ่มยอดการผลิตอาหารสัตว์ High Margin และยกระดับความใส่ใจต่อแนวทางการผลิตพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเน้นขับเคลื่อนธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารกุ้ง อาหารปลากระพง อาหารสัตว์บก เป็นต้น
ซึ่งบริษัทเตรียมแผนการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2566 ไว้ดังนี้ 1. ดำเนินการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เกรด Eco, Standard, Premium, และสัตว์บกพรีเมียม สู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย และสร้างแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้ชื่อ Good Choice และ Ichi ของตัวเองขยายสู่ตลาดเอเชียและเอเชียใต้ ตลอดจนพร้อมรับจ้างผลิตจากคู่ค้าภายในประเทศ
2.ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ เช่น ปรับโครงสร้างบุคลากร พัฒนากระบวนการผลิตด้วยหลักการควบคุมเชิงวิทยาศาสตร์ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ลดต้นทุนพลังงานโดยเปลี่ยนเป็นพลังงานแบบชีวมวลซึ่งยังเป็นเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร เน้นการลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุนด้านแรงงาน นอกจากนี้บริษัทได้ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์และการบริหารสินค้าคงคลังให้รวดเร็วและสดใหม่ พร้อมทั้งบริหารการขายโดยมุ่งเน้นการลดภาระหนี้สงสัยจะสูญ
*เดินหน้าลดต้นทุน
และ3. ด้านต้นทุนทางการเงิน บริษัทได้ลดภาระหนี้จากสัดส่วนหนี้ต่อทุนในปี 2564 ที่ 15.35 เท่า เหลือ 1.26 เท่า ณ ไตรมาส 1/2566 ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงไปปีละกว่า 60 ล้านบาท และมีสภาพคล่องในการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการ
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลืองของปี 2566 นี้ บริษัทเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์น้ำที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยยังเป็นฐานกำลังการผลิตที่สำคัญ และมีโอกาสที่จะขยายตลาดส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคเอเชีย